จุฬาราชมนตรี ประกาศอนุญาตให้ละหมาดวันอีดิ้ลฟิตรี โดยมีระเบียบการปฎิบัติตามประกาศดังนี้
ประกาศจุฬาราชมนตรีเรื่อง การผ่อนปรนให้ปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีลฟิตร์
เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในประเทศไทยมีจํานวนผู้ติดเชื้อลดลง และนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกําหนดตามความใน มาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๘ (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ เพื่อเป็นการผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาด ของโรคโควิด ๑๙ และมีมาตรการผ่อนคลายให้ดําเนินหรือทํากิจกรรมบางอย่างได้โดยมีเงื่อนไขนั้น จึงพิจารณาเห็นควรให้มีการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีดิ้ลฟิตร์สําหรับมัสยิดที่มีความพร้อมในการปฏิบัติ ตามมาตรการที่กําหนดและอยู่ในพื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อ ดังนี้
ให้ตามมาตรการ ประกาศเรื่องการผ่อนปรนให้ละหมาดวันศุกร์
1. ให้มัสยิดจัดเตรียมพื้นที่เปิด เช่น ลานมัสยิดรวมถึงพื้นที่ในอาคารมัสยิด อาคารเรียน ประจํามัสยิด ที่โล่งกว้าง หรือสนามกีฬาในชุมชน สําหรับละหมาดอีดิ้ลฟิตร์ โดยให้ดําเนินมาตราการตาม ประกาศจุฬาราชมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ว่าด้วย การผ่อนปรนให้ปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) และแนวทางปฏิบัติ ฉบับที่ ๕/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ อย่างเคร่งครัด
ให้กระชับเวลาในการปฏิบัติศาสนกิจ
2. ให้รีบปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีลฟิตร์ เมื่อเข้าเวลาและให้กระชับเวลาในการ ละหมาดและคุตบะห์ ไม่เกิน 20 นาที
หากที่ใดทำไม่ได้ ให้แจ้งละหมาดที่บ้าน
3. หากมัสยิดใดไม่สามารถปฏิบัติตามข้อ ๑ ได้ ให้มัสยิดแจ้งสัปปุรุษละหมาดที่บ้านใน ลักษณะรวมกันเป็นครอบครัว จํากัดเฉพาะญาติพี่น้องเท่านั้น โดยไม่ต้องอ่านคุตบะห์
ให้งดเลี้ยงอาหาร และกิจกรรมที่รวมตัวกัน
4. ให้มัสยิดงดการจัดเลี้ยงอาหารแก่ผู้มาร่วมละหมาดและการจัดกิจกรรมอื่น ๆ รวมทั้ง ให้หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมหรือการรวมตัวกันเป็นกลุ่มที่มีจํานวนมาก เช่น การเยี่ยมญาติ การเยี่ยม กุโบร์ (สุสาน) และการจัดเลี้ยงอาหารในเคหสถาน หากมีความจําเป็นให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค และคําแนะนําของทางราชการและประกาศจุฬาราชมนตรีอย่างเคร่งครัด
ประกาศ ณ วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
อ้างอิง
